แนวทางการกักตัวอยู่บ้านอย่างไร หากติดโควิด-19 เพื่อสุขภาพ และกาดูแลตัวเอง

สุขภาพ เป็นอันดับแรกที่จะต้องดูแลเลยทีเดียว เพื่อให้ชีวิตของคุณมีความราบรื่น และสะดวกสบายมากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้เพราะฉะนั้น การดูแลตัวเองในช่วงโควิด-19 แบบนี้นั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอันเด็ดขาด และถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้เราจะมาแนะนำ แนวทางการกักตัวอยู่บ้านอย่างไร หากติดโควิด-19 เพื่อสุขภาพ และกาดูแลตัวเอง

แนวทางการกักตัวอยู่บ้านอย่างไร หากติดโควิด-19 เพื่อสุขภาพ และกาดูแลตัวเอง

ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นไม่น้อย หลังจากที่ได้ตอนนี้ประเทศไทย ของเราเกิดสภาวะเตียงผู้ป่วยขาดแคลน อย่างต่อเนื่องจนทำให้มีข่าวบางราย ที่ติดเชื้อดังกล่าวนั้นไม่มีเตียง ที่โรงพยาบาลและจำเป็นจะต้องอยู่ที่บ้าน ดังนั้นวันนี้เรา จึงจะมาแนะนำแนวทางการปรับตัวอย่างไร ให้มีความปลอดภัยที่สุด เพื่อสุขภาพและการดูแลตนเองอย่างเคร่งครัด 

 

ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยมีการขยายตัว เป็นวงกว้างทั่วประเทศมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งอาจจะทำให้รองรับสถานพยาบาลนั้น ไม่มีความมากพอต่อปริมาณของผู้ป่วย

จึงทำให้กรมการแพทย์ ได้มีแนวทางในการปรับรักษา ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ เหล่านี้ โดยที่ผู้ป่วยติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ สามารถที่จะกักตัวอยู่ที่บ้านภายใต้ การดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะทำให้โรงพยาบาล สนามสามารถที่จะมีการบริหาร จัดการของผู้ป่วยที่มีอาการหนักได้อีกด้วย 

แนวทางการกักตัวอยู่บ้านอย่างไร หากติดโควิด-19 เพื่อสุขภาพ และกาดูแลตัวเอง

หลักเกณฑ์ของผู้ที่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้านเอง 

สำหรับกลุ่มของผู้ติดเชื้อ ที่สามารถกักตัวอยู่บ้าน ในแนวทางแบบ Home Isolation ตามหลักเกณฑ์แล้วนั้น จะต้องมีอายุน้อยกว่า 60 ปีแล้วไม่มีอาการที่รุนแรง หรือ ทรุดตัวลงไป และมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถที่จะอยู่คนเดียวหรือ มีผู้อยู่ร่วมที่พักไม่เกิน 1 คนในสภาวะเหล่านี้และไม่มีสภาวะโลกกวนและที่สำคัญที่สุด จะต้องไม่ป่วยเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือ โรคไตเรื้อรัง และโรคหัวใจ และหลอดเลือด รวมไปถึงเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ และโรคอื่นๆตามดุลยพินิจของแพทย์ 

 

วิธีกักตัวอยู่บ้านเมื่อติด Covid-19

  • ไม่ให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมบ้านระหว่าง แยกกักตัวเป็นอันเด็ดขาด
  • ไม่ควรเข้าใกล้ หรือ สัมผัสกับผู้สูงอายุ และเด็กเป็นอันเด็ดขาด เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะติดและเกิดสภาวะที่รุนแรง เกินการควบคุม โดยรักษาระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร
  • จะต้องแยกห้องพักอย่างชัดเจน และของใช้ส่วนตัวแยกกับผู้อื่นเลย และควรแยกบริเวณที่นอนให้ห่างจากคนอื่นมากที่สุด และควรเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ควรนอนร่วมกับคนในบ้าน
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร ร่วมกับผู้อื่นควรรับประทานอาหาร ในห้องของตนเองเท่านั้นและหากรับประทานอาหารด้วยกัน ควรที่จะแยกอย่างชัดเจนอย่างน้อย 2 เมตร
  • สวนหน้ากากอนามัย ตลอดเวลา
  •  แยกเสื้อผ้าเครื่องนอน ผ้าขนหนู ด้วย น้ำ และสบู่ ผงซักฟอก ควรใช้ห้องน้ำแยก หากเลี่ยงไม่ได้ให้ใช้เป็นคนสุดท้าย และปิดฝาชักโครกก่อนที่จะทำการกดน้ำ และหมั่นทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา 

อย่างไรก็ดีสิ่งหนึ่งที่อยากจะแนะนำ และสำคัญที่สุดคือ หมั่นสังเกตอาการของตนเองไม่ว่า จะเป็นทางการวัดอุณหภูมิ ในทุกๆวันหรือลงไปถึง หากมีอาการแย่ลงและมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ไปในทางเหนื่อยหอบไข้สูง ไม่สามารถปฏิบัติกิจกรรมประจำวันได้ ให้รีบติดต่อโรงพยาบาลโดยด่วน