เมืองไทย ผลไม้เพื่อสุขภาพ มีมากมายหลากหลายชนิด หลากหลายฤดูกาล เมื่อเข้าสู่ช่วงอากาศหนาวเย็น จนบางครั้งทำให้เจ็บป่วย ไม่สบายได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไข้หวัด ไอ เจ็บคอ แต่รู้ใหมว่า มีผลไม้หลายชนิด ที่นิยมนำมารับประทาน เพื่อดูแลสุขภาพ ในช่วงอากาศหนาวเย็น
ผลไม้เพื่อสุขภาพ ที่ควรรับประทาน ช่วยดูแลสุขภาพ ในช่วงอากาศหนาวเย็น
1.ส้มคินคัง
ส้มคินคัง หรือในอีกหลายชื่อเป็นต้นว่า ส้มคัมควอท (Kumquat) บางแห่งก็เรียกว่า ส้มกิมจ้อ หรือส้มเปลือกหวาน นั่นเอง ส้มคินคังนั้นเป็นส้มที่มีขนาดเล็ก ที่นิยมนำมากินได้ทั้งผลข้างใน รวมไปถึงเปลือกส้มด้วย ผิวเปลือกส้มมีกลิ่นหอมยวนใจขึ้นจมูก กลิ่นไม่แรง แต่ชวนน่ารับประทานยิ่งนัก
ส้มคินคัง จะมีรสชาติอร่อย จะออกรสหวานแล้วก็เปรี้ยวอย่างพอดี ส้มคินคังนั้นจะอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้ร่างกายสร้างโปรตีนคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญ ในการดูแลสภาพผิวหนังได้ดี ทำให้ผิวหนังแข็งแรง ส่งผลให้ผิวพรรณดี
นอกจากนี้ ยังช่วยทำให้เยื่อบุภายในจมูกแข็งแรง ทำให้ยากต่อการรับเชื้อเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย นอกจากนั้นสารเฮสเพอริดิน ซึ่งมีมากมายที่ผิวส้มจะช่วยสร้างเสริมความแข็งแรงของเส้นเลือด ลดคอเลสเตอรอลในเลือด เสริมการไหลเวียนที่ดีของเลือด ช่วยปกป้องอาการต่างๆจากโรคภูมิแพ้ นอกจากนี้ยังเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ป้องกันสารก่อมะเร็งในร่างกายของเราอีกด้วย
2.กีวี
กีวี นั้นมีรสชาติที่แสนอร่อย ที่ผลิตได้ในประเทศตั้งแต่ตอนกันยายนไปจนกระทั่งธันวาคม กีวีอุดมไปด้วยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีโปรติเอสที่มั่นใจว่า แอคตินิดิน (Actinidin) ซึ่งช่วยสำหรับในการย่อยโปรตีนที่กินเข้าไป
คุณรู้หรือไม่ว่า กีวี 100 กรัม จะมีวิตามินซี 69 มก. แล้วมีกรดโฟลิก ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับหญิงตั้งครรภ์ถึง 35 ไมโครกรัม นอกเหนือจากนี้ กีวี่ยังเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ (46-52 กิโลแคลอรี่ต่อกีวี 1 ผล) ทำให้ไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องน้ำหนักตัว หรือโรคอ้วน เรายังสามารถรับประทานกีวี่ได้มากกว่า 1 ผล อีกด้วย
3.ส้ม
ผลไม้ยอดนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรรับสาวๆ ที่อยากมีผิวพรรณดี นั่นคือ ส้ม ซึ่งคุณประโยชน์ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี มีส่วนในการช่วยสร้างเสริมความแข็งแรงของสุขภาพกาย และสุขภาพผิวหนัง ในส้มนั้นจะมีสารประกอบบีต้า คริปโตแซนทิน (β-Cryptoxanthin) ในปริมาณที่สูง (1,700 ไมโครกรัมต่อส้มมิคัง 100 กรัม)
ซึ่งสารจำพวกนี้ เมื่อเรารับประทานเข้าไป จะถูกกลับกลายเป็นวิตามินเอภายในร่างกาย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างให้เกิดความแข็งแรงของเยื่อเมือกต่างๆ โดยส่งผลต่อสุขภาพของร่างกายเรา ให้แข็งแรงขึ้น และคุ้มครองปกป้องการรับเชื้อเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ในอากาศ
นอกจากนี้ สารสำคัญในส้ม ยังเป็นประโยชน์ในการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย โรคเบาหวาน โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง แล้วผู้ที่มีความผิดปกติของการทำงานของไต (แต่ต้องทานในปริมาณที่เหมาะสม) นอกเหนือจากนี้กากใยสีขาว หรือเยื่อสีขาวบนเนื้อส้มนั้นอุดมไปด้วยวิตามิน P ซึ่งช่วยเสริมการดูดซึมวิตามินซีไปสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น โดยวิตามินประเภทนี้จะมีอยู่ในกากใยสีขาว มากกว่าเนื้อส้มถึง 300 เท่า รู้แบบนี้เรา เราจึงควรรับประทานส้ม พร้อมกับกากใยสีขาว จะทำให้เราได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น