การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันสำหรับมะเร็งปอดแบบผ่าตัด

การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน หรือ Immunotherapy เป็นวิธีการรักษาโรคมะเร็งชนิดใหม่ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะกับโรคมะเร็งปอดระยะที่ 3 และ 4 ซึ่งมักมีความเสี่ยงต่อการกลับมาเป็นซ้ำสูงการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันมีกลไกการทำงานโดยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้ดียิ่งขึ้น

ประเภทของการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันสำหรับมะเร็งปอดแบบผ่าตัด:
ยาภูมิคุ้มกัน Checkpoint Inhibitors: ยากลุ่มนี้ทำหน้าที่บล็อกกลไกการยับยั้งของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้เซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถโจมตีเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ เช่น Pembrolizumab (Keytruda), Nivolumab (Opdivo) และ Atezolizumab (Tecentriq)
วัคซีนมะเร็ง: วัคซีนมะเร็งเป็นการกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันจดจำและต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้เฉพาะเจาะจง วัคซีนมะเร็งที่ใช้กับมะเร็งปอดแบบผ่าตัด มักเป็นวัคซีนที่ผลิตจากเซลล์มะเร็งของผู้ป่วยเอง (Personalized cancer vaccine)
การบำบัดด้วยเซลล์ CAR-T: การบำบัดด้วยเซลล์ CAR-T เป็นการดัดแปลงเซลล์ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย (T cells) ให้มี CAR (Chimeric Antigen Receptor) ซึ่งเป็นตัวรับพิเศษบนผิวเซลล์ ที่สามารถจับกับโปรตีนบนเซลล์มะเร็งได้ ทำให้เซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถโจมตีและทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประสิทธิภาพของการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน:
ผลการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยมะเร็งปอดแบบผ่าตัดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น ชนิดย่อยของมะเร็งปอด ระยะของโรค สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และการตอบสนองต่อยาโดยทั่วไปการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันสามารถช่วยยืดระยะเวลาการมีชีวิตของผู้ป่วยและอาจช่วยให้ผู้ป่วยหายจากโรคมะเร็งได้ในบางราย

ผลข้างเคียงของการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน: การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ผลข้างเคียงที่พบบ่อยได้แก่ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ผื่นคัน ปวดกล้ามเนื้อและปวดข้อผลข้างเคียงที่รุนแรงอาจเกิดขึ้นได้ แต่ไม่บ่อยนัก เช่น ปอดอักเสบ หัวใจอักเสบและระบบประสาทอักเสบ

การตัดสินใจรักษาด้วยภูมิคุ้มกัน:แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งปอดจะเป็นผู้พิจารณาว่าผู้ป่วยเหมาะสมกับการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันหรือไม่ โดยจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ชนิดย่อยของมะเร็งปอดระยะของโรคสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม และตัดสินใจร่วมกับแพทย์เกี่ยวกับแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด