ข้อมูลที่ได้รับมาจาก Global cancer Observatory ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวมาว่าในปี พุทธศักราช 2563 โรคมะเร็งปอด มีอุบัติการณ์รวมทั้งอัตราการตายสูงสุดเป็นชั้น 2 เมื่อเทียบกับโรคมะเร็งจำพวกอื่นๆในประเทศไทย
โดบเจอปริมาณคนเจ็บโรคมะเร็งปอดรายใหม่มากถึง 23,717 ราย หรือคิดเป็น 65 รายต่อวันโดยเฉลี่ย ทั้ง ประชาชนไทยอีกกว่า 20,395 ราย หรือคิดเป็น 56 รายต่อวันโดยเฉลี่ยเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งปอด ซึ่งเหตุการณ์ความร้ายแรงของโรคนี้ยังมีลัษณะทิศทางที่จะเพิ่มสูงมากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
โรคมะเร็งปอด
ถึงแม้โรคมะเร็งปอดยังคงครอบครองสถิติต้นๆของโรคมะเร็งที่เอาชีวิตคนประเทศไทยในแต่ละปี ด้วยปริมาณผู้เจ็บป่วยใหม่ 23,713 รายต่อปี หรือ 2.7 คนต่อชั่วโมง ซึ่งการนำเสนอสถิติผู้ป่วยในที่นี้ ไม่ได้มีจุดหมายเพื่อกำเนิดความผวาหรือตกใจกลัว แต่ว่าปริมาณคนป่วยรายใหม่รวมทั้งอัตราการตายที่สูงขึ้นนี้ จะเป็นช่องทางสำหรับการสร้างการรับทราบใหม่และก็ความรู้ความเข้าใจที่ถูกเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอดในช่วงปัจจุบัน เพื่อทุกคนทราบดีว่า “โรคมะเร็งปอด ไม่น่ากลัวอย่างที่คุณคิด”
สาเหตุของโรคมะเร็งปอด เกิดจาก
ปัจจุบันนี้ยังมีการศึกษาและทำการค้นพบว่าโรคมะเร็งปอดสามารถกำเนิดได้จากหลายสาเหตุ โดยปัจจัยหลักมาจากการสูบยาสูบ แม้กระนั้นอย่างไรก็ดี อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะต้นเหตุอื่นๆได้รวมทั้งกรรมพันธุ์รวมทั้งยีนภายในร่างกายที่เกิดขึ้นมาจากการกลายพันธุ์ไปโดยไม่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมอะไร ส่วนมากจะเจอในผู้ที่ไม่ได้ดูดบุหรี่หรือเลิกยาสูบไปแล้วตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และก็ความแปลกของยีน ดังเช่น การกลายพันธุ์ของยีน EGFR
ซึ่งพบมากในคนประเทศไทย โดยเจอโดยประมาณ 50% และความแตกต่างจากปกติของยีนอีกประเภทหนึ่งเป็นการสับเปลี่ยนที่ของยีน ALK เจอได้โดยประมาณ 5-10% แล้วก็ยังมียีนที่ไม่ดีเหมือนปกติประเภทอื่นๆอีกสามจำพวกหมายถึงมีการสลับที่ของยีน ROS รวมทั้ง NTRK แล้วก็การกลายพันธุ์ของยีน BRAF แม้กระนั้นความผิดแปลกของยีนในสามประเภทข้างหลังนี้เจอน้อยกว่าโดยมีเพียงแต่ประเภทละ 4% เพียงแค่นั้น
โรคมะเร็งปอดมีสองประเภทใหญ่ๆร่วมกัน
- โรคมะเร็งปอดจำพวกเซลล์ไม่เล็ก (Non-small cell lung cancer) ซึ่งเป็น 85% ของโรคมะเร็งปอดที่พบได้ทั่วไปในผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งแต่ละปีตอนที่อีก 15% ของคนป่วย
- โรคมะเร็งปอดที่เจอเป็นประเภทเซลล์เล็ก (Small cell lung cancer) เป็น 15% ของโรคมะเร็งปอดที่พบมากในคนเจ็บโรคมะเร็งแต่ละปี ที่มีการเติบโตเร็วแล้วก็แพร่ขยายกว่าจำพวกเซลล์ไม่เล็ก
ในเวลาที่วิทยาการและก็เทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์ในตอนนี้เจริญรุ่งเรืองไปๆมาๆกกว่าเมื่อสิบปีก่อน ปัจจุบันนี้มีการวิเคราะห์โรคมะเร็งปอดด้วยการสแกนคอมพิวเตอร์ (CT Scan) การสแกนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) แล้วก็ปัจจุบันผ่านการสแกนด้วย PET Scan รวมทั้งแนวทางการส่องกล้องทางหลอดลม แล้วก็การเจาะตรวจชิ้นเนื้อ ทำให้การตรวจวิเคราะห์โรคมะเร็งปอดในตอนนี้มีความรวดเร็ว ซึ่งเกิดผลดีโดยตรงต่อผู้ป่วยในการเข้ารับการดูแลและรักษาได้เร็วเพิ่มขึ้น
การรักษา โรคมะเร็งปอด
ในการรักษาโรคนี้ สำคัญที่การพิจารณาพิกัดของการเกิดโรคมะเร็งที่ปอด ตำแหน่ง ขนาด และจะต้องรู้ระยะของเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ ยังคงต้องดูที่สภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยด้วยว่าพร้อมหรือไม่ แค่ไหน อย่างไร กับการวางแผนในการรักษา
การรักษามะเร็งปอด โดยการผ่าตัด
เป็นการรักษาโดยการผ่าเอาก้อนมะเร็งที่ปอด และต่อมน้ำเหลืองที่ช่องอกออกให้หมด ต้องเข้าใจก่อนว่าในบางครั้งก้อนเนื้อนั้นอาจไม่ใช่เซลล์มะเร็งทั้งหมด ก็จะเป็นเซลล์ดีรวมอยู่ด้วย การผ่าตัดจะเป็นการรักษาในเซลล์มะเร็งปอดที่มีขนาดเซลล์เล็ก ในผู้ป่วยที่มีสภาวะของการเป็นมะเร็งปอดในระยะที่ 1, 2 และ 3A แต่มีการแพร่กระจายตัวของเซลล์มะเร็วได้อย่างรวดเร็ว
การรักษาโดยการฉายรังสี (radiotherapy)
การรักษาโดยวิธีนี้ จะใช้พลังงานรังสีที่มีความเข้มข้น โดยจะฉายไปยังตำแหน่งของเซลล์มะเร็ง เพื่อที่จะไปทำลายกลุ่มก้อนเซลล์มะเร็งนั้นโดยตรง เป็นการรักษาที่จะเน้นวัตถุประสงค์ที่จะควบคุมการลุกลามของเซลล์มะเร็ง
การรักษาโดยวิธีนี้จะต้องเป็นเซลล์มะเร็งที่ไม่มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ และการรักษาโดยการฉายรังสีจะใช้เวลาในการรักษาที่ยาวนาน ขึ้นอยู่กับสภาพของผู้ป่วยด้วย และมีผลข้างเคียงจากการรักษาหลายอย่าง อาทิเช่น อาจมีอาการเบื่ออาหาร รู้สึกคลื่นไส้ กลืนอาหารได้ลำบาก และแน่นอนที่สุด ย่อมมีอาการระคายเคืองผิวหนังในบริเวณที่มีการฉายรังสีด้วย
การรักษาโดยใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัด (immunotherapy)
การรักษาโดยวิธีนี้ เป็นการรักษาที่มีจุดประสงค์ที่ต้องการให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายของผู้ป่วย สามารถที่จะตรวจจับเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้น และสามารถที่จะเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การรักษาโดยให้ยาเคมีบำบัด (chemotherapy)
การรักษามะเร็งปอดโดยวิธีนี้ เป็นการใช้ยากำจัดเซลล์มะเร็ง โดยการฉีดเข้าเส้นเลือด ซึ่งตัวยาจะเข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ที่มีอยู่ทั่วร่างกาย ซึ่งแน่นอนย่อมส่งผลกระทบต่อเซลล์ปกติด้วย และมีอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ต่อผู้ป่วย
การรักษามะเร็งปอดแบบเฉพาะเจาะจง (targeted therapy)
วิธีนี้จะเป็นการรักษาที่ดีกว่า การรักษาแบบให้ยาเคมีบำบัด และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า การรักษาโดยใช้ยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง โดยตรง ไม่มีผลต่อเซลล์ปกติ ถือได้ว่า เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษามะเร็งปอด ที่มีประสิทธิผล และผลข้างเคียงต่อผู้ป่วย ก็น้อยกว่า
สรุป
ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอด เราต้องเข้าใจในสภาพของร่างกายผู้ป่วย ระยะของโรคมะเร็ง การแพร่กระกายของเซลล์มะเร็ง จึงมีการรักษาแบบผสมผสาม มากกว่าหนึ่งวิธี เพื่อที่จะหาหนทางในการรักษาผู้ป่วย ที่ดีที่สุด และส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยในการใช้ชีวิตประจำวันน้อยที่สุด สิ่งสำคัญคือ สภาวะทางร่างกายและจิตใจ ของผู้ป่วย การประเมินผลการรักษาในแต่ละขั้นตอน แพทย์จึงต้องพิจารณาในแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับสภาวะของผู้ป่วยที่เป็นอยู่ และวางแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากสุด