ในโลกยุคปัจจุบันที่เร่งรีบ โรคอ้วนกลายเป็นหนึ่งในความท้าทายด้านสุขภาพที่เร่งด่วนที่สุด นอกจากจะส่งผลกระทบต่อรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว น้ำหนักเกินยังเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ สำหรับผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะแบบสลีฟ
การผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟเป็นวิธีการลดน้ำหนักด้วยการผ่าตัดผ่านกล้อง โดยเป็นการตัดกระเพาะอาหารออกประมาณ 75-85% เพื่อให้กระเพาะมีขนาดเล็กลงเหลือเพียงรูปทรงกระบอกคล้ายกล้วย ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและรับประทานอาหารได้น้อยลง นอกจากนี้ยังช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนความหิวได้อีกด้วย ซึ่งการผ่าตัดวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะอ้วนและต้องการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง
การผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟเป็นเทคโนโลยีการลดน้ำหนักสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยม โดยเป็นการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารให้มีรูปร่างคล้ายท่อหรือปลอกแขน ซึ่งทำให้ร่างกายรับอาหารได้น้อยลงและรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
หลักการทำงาน:
แพทย์จะตัดกระเพาะอาหารส่วนใหญ่ประมาณ 75-85% ออก ทำให้เหลือความจุเพียง 100-200 มิลลิลิตร หรือขนาดประมาณกล้วย
การผ่าตัดนี้จะช่วยลดระดับฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกหิวได้ด้วย
โดยทั่วไปนิยมทำด้วยวิธีส่องกล้อง ทำให้มีแผลขนาดเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวได้เร็ว
ข้อดีและข้อเสีย:
ข้อดี:
ลดน้ำหนักส่วนเกินได้ถึง 60-70% ภายใน 1 ปี
โอกาสเกิดภาวะขาดสารอาหารและวิตามินน้อยกว่าการผ่าตัดแบบอื่น
เหมาะสำหรับผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 32.5 ขึ้นไปและมีโรคประจำตัว หรือ BMI ตั้งแต่ 37.5 ขึ้นไป
ข้อเสีย:
อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะกรดไหลย้อนรุนแรง
อาจจะแก้ปัญหาโรคเบาหวานได้ไม่ดีเท่าการผ่าตัดแบบบายพาส
หากผู้ป่วยยังรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงบ่อยๆ น้ำหนักอาจไม่ลดลง
การเตรียมตัวและค่าใช้จ่าย:
ก่อนผ่าตัด ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด ปรับพฤติกรรมการกิน งดสูบบุหรี่ และงดน้ำและอาหารตามคำแนะนำของแพทย์
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟในประเทศไทยมีราคาแตกต่างกันไปตามแต่ละโรงพยาบาลและแพ็กเกจ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 150,000 – 690,000 บาท
เทคโนโลยีเบื้องหลังการผ่าตัด
การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะแบบสลีฟสมัยใหม่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องมือส่องกล้องขั้นสูงและอุปกรณ์เย็บแผลที่ทันสมัย ศัลยแพทย์สามารถผ่าตัดได้อย่างแม่นยำด้วยกล้องความละเอียดสูง มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพตลอดกระบวนการ ศูนย์การแพทย์บางแห่งยังนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาช่วยซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ยงอีกด้วย
การฟื้นฟูและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
โดยทั่วไปผู้ป่วยจะต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 2-3 วัน และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ภายใน 2-4 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในระยะยาวขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตซึ่งรวมถึงโภชนาการที่สมดุล การควบคุมปริมาณอาหาร การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการติดตามผลทางการแพทย์อย่างสม่ำเสมอ การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะแบบสลีฟสามารถเป็นรากฐานของชีวิตที่มีสุขภาพดีและกระฉับกระเฉงมากขึ้นได้ หากมีวินัยที่เหมาะสม
การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะเหมาะกับคุณหรือไม่?
การผ่าตัดนี้แนะนำสำหรับผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 35หรือผู้ที่มี BMI มากกว่า 30 และมีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโรคอ้วนอย่างละเอียด เพื่อประเมินภาวะสุขภาพส่วนบุคคลและความพร้อมสำหรับการผ่าตัด
การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะแบบสลีฟถือเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการลดน้ำหนักสมัยใหม่ มอบทางออกที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนสำหรับผู้ที่กำลังต่อสู้กับภาวะโรคอ้วน การผสมผสานเทคนิคการผ่าตัดขั้นสูงเข้ากับการควบคุมฮอร์โมน ไม่เพียงแต่ช่วยเปลี่ยนแปลงรูปร่าง แต่ยังช่วยปรับปรุงสุขภาพและคุณภาพชีวิตโดยรวมให้ดีขึ้นอีกด้วย